
เชื้อราในปากทารก อันตรายไหม ดูแลทารกมีเชื้อราในปากยังไงดี
รวมเคล็ดลับการเลี้ยงทารกแรกเกิด - 1 ปี
บทความ
พ.ย. 12, 2025
8นาที
คำถามที่พบบ่อย
จะแยกได้อย่างไรว่าคราบขาวที่ลิ้นลูกเป็น 'คราบนม' หรือ 'เชื้อรา'?
วิธีแยกง่าย ๆ คือลองใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นเช็ดเบา ๆ ค่ะ ถ้าเป็น "คราบนม" จะสามารถเช็ดออกได้ง่าย แต่ถ้าเป็น "เชื้อรา" จะเกาะติดแน่น เช็ดยาก หรือเช็ดไม่ออกเลย และอาจมีรอยแดงหรือเลือดซึมใต้คราบขาวนั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
ถ้าแม่เป็นเชื้อราที่หัวนม จะทำให้ลูกติดเชื้อราในปากได้ไหม?
ได้ค่ะ ทารกสามารถติดเชื้อราในปากจากการให้นมแม่ได้ หากแม่เป็นเชื้อราที่หัวนม สังเกตได้จากคุณแม่อาจมีอาการเจ็บหัวนม แสบร้อน หัวนมแดงแตกบ่อย รักษาไม่หาย ส่วนทารกจะเห็นฝ้าขาวที่ลิ้น เพดานปาก และกระพุ้งแก้ม หากสงสัยว่าติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์หรือคลินิกนมแม่เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
ลูกเป็นเชื้อราในปากบ่อยมาก ทำอย่างไรดี?
หากลูกเป็นซ้ำบ่อย ๆ อาจต้องเข้มงวดเรื่องการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ขวดนม จุกหลอก ของเล่น ให้มากขึ้น และคุณแม่ที่ให้นมลูกควรดูแลเต้านมให้แห้งทุกครั้งหลังให้นม ในบางกรณี การเป็นเชื้อราบ่อยอาจเป็นสัญญาณของภาวะภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
สรุป
- เชื้อราในปาก (Oral Thrush) เกิดจากเชื้อราแคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida Albicans) ที่ปกติอาศัยอยู่ในปากและลำไส้ โดยทั่วไปแล้วภูมิคุ้มกันของเราจะคอยควบคุมเชื้อรานี้ไว้ให้สมดุล แต่เนื่องจากภูมิคุ้มกันของเด็กยังทำงานไม่เต็มที่ เชื้อราจึงอาจเติบโตมากเกินไปจนเกิดการติดเชื้อได้
- ฝ้าขาวในปากทารกอาจทำให้คุณแม่สับสนระหว่าง "คราบนม" กับ "เชื้อราในปาก" แต่วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ลองใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดดู หากเช็ดแล้วคราบยังติดแน่นไม่หายไป แสดงว่าคราบนี้คือ "เชื้อราในปาก" ไม่ใช่คราบนม
- การติดเชื้อราบริเวณผ้าอ้อม หรือผื่นผ้าอ้อมจากเชื้อรา มักมีลักษณะเป็นผื่นแดงสด อาจเป็นจุดเล็ก ๆ หรือปื้นใหญ่ โดยมีลักษณะเด่นคือ ขอบผื่นมักนูนชัด หรือมีตุ่มเล็ก ๆ กระจายอยู่รอบ ๆ ผื่นหลัก บางครั้งอาจพบตุ่มหนองคล้ายสิวร่วมด้วย
- คุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์หากมีอาการที่สงสัยว่า ลูกเป็นเชื้อราในปาก เช่น มีคราบขาว เจ็บ หรือมีเลือดออก และควรกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง หากใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำแล้วอาการไม่ดีขึ้น
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- ทำความเข้าใจ "เชื้อราในปากทารก" (Oral Thrush)
- วิธีสังเกต อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่าลูกเป็นเชื้อราในปาก
- การดูแลและป้องกันเชื้อราในปากเด็ก
- เชื้อราในบริเวณผ้าอ้อม ต่างจากผื่นผ้าอ้อมอย่างไร
- สัญญาณอันตราย: อาการแบบไหนที่ต้องรีบไปหาหมอ
ทำความเข้าใจ "เชื้อราในปากทารก" (Oral Thrush)
เชื้อราในปาก (Oral Thrush) เป็นการติดเชื้อที่พบได้บ่อยในทารกและเด็กเล็ก ซึ่งเกิดจากเชื้อราแคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida Albicans) ที่ปกติอาศัยอยู่ในปากและลำไส้ โดยทั่วไปแล้วภูมิคุ้มกันของเราจะคอยควบคุมเชื้อรานี้ไว้ให้สมดุล จึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ แต่เนื่องจากภูมิคุ้มกันของเด็กยังทำงานไม่เต็มที่ เชื้อราจึงอาจเติบโตมากเกินไปจนเกิดการติดเชื้อได้
เชื้อราในปากเกิดจากอะไร?
เชื้อราในปากทารก ที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวลนั้น แท้จริงแล้วเกิดจากอะไร? สาเหตุที่ทารกอาจเป็นเชื้อราในปาก มีดังนี้ค่ะ
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หลังคลอด ระบบภูมิคุ้มกันของทารกแรกเกิดยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอนี้อาจเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อและทำให้เชื้อราแบ่งตัวจนก่อให้เกิดเชื้อราในปากได้
- สภาพแวดล้อมในช่องปาก เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่ชื้นและอุ่น ดังนั้น ปากจึงเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการติดเชื้อค่ะ
- การใช้ยาบางชนิดและยาปฏิชีวนะ อาจทำให้เกิดเชื้อราในปากได้ แม้ว่ายาปฏิชีวนะจะใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่มันก็จะฆ่าแบคทีเรียดีไปด้วย ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้เชื้อราเติบโตได้
- การติดเชื้อระหว่างคลอด หากคุณแม่มีการติดเชื้อราในช่องคลอดระหว่างตั้งครรภ์ เชื้อราอาจถ่ายทอดไปยังทารกแรกเกิดในระหว่างการคลอดได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเชื้อราในปากทารก
เชื้อราในปากอาจเกิดได้จากการสัมผัสเชื้อโดยตรง หรือเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ที่เอื้อให้เชื้อราเติบโตได้ง่ายขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ สามารถสรุปได้ดังนี้
1. การระคายเคืองในช่องปาก
การดูดนมทั้งจากเต้าและขวดที่นานเกินไป เช่น นานเกิน 20 นาที หรือการใช้จุกหลอกมากเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก ซึ่งเอื้อต่อการติดเชื้อรา
2. การสัมผัสเชื้อราจากอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด
การใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น จุกนม ขวดนม จุกนมหลอก และชิ้นส่วนเครื่องปั๊มนม ที่ไม่ได้ฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องหลังการใช้งาน

3. การแพร่กระจายเชื้อจากบุคคลอื่น
การที่คุณแม่ให้นมมีอาการติดเชื้อราที่หัวนม หรือเต้านมของแม่ที่ไม่สะอาดหรืออับชื้น การสัมผัสปากทารกหรือของใช้ทารกด้วยมือที่ไม่สะอาด รวมถึงการใช้ของร่วมกัน เช่น การที่ผู้ใหญ่หรือเด็กคนอื่นเอาจุกนมหลอกของทารกเข้าปาก ก็อาจทำให้เกิดเชื้อราในปากเด็กได้
วิธีสังเกต อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่าลูกเป็นเชื้อราในปาก
ฝ้าขาวในปากทารกอาจทำให้คุณแม่สับสนระหว่าง "คราบนม" กับ "เชื้อราในปาก" เพราะมีลักษณะคล้ายกันมาก แต่วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ลองใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดดู หากเช็ดแล้วคราบยังติดแน่นไม่หายไป แสดงว่าคราบนี้คือ "เชื้อราในปาก" ไม่ใช่คราบนมค่ะ
ลักษณะคราบขาวที่ "ไม่ใช่" คราบนม และอาการอื่น ๆ ที่พบร่วมได้
คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการต่าง ๆ ของลูกน้อย เนื่องจากเชื้อราในปากทารกอาจใช้ระยะเวลาสักพักกว่าจะแสดงอาการให้เห็นอย่างชัดเจน โดยหากลูกมีอาการงอแง หงุดหงิดง่ายเวลาดูดนม อาจสังเกตอาการดังนี้ร่วมด้วย
- เกิดคราบขาวที่ลิ้นและภายในช่องปาก บางครั้งอาจพบบริเวณเหงือก เพดานปาก กระพุ้งแก้ม และต่อมทอนซิล
- ริมฝีปากแห้ง มีรอยแดง แตกที่มุมปาก
- ลิ้นไม่รับรส ไม่รู้รสชาติอาหาร
- ปวดแสบ ปวดร้อนในช่องปาก เนื่องจากมีแผลในช่องปาก
- มีแผลผุพอง หรือปากแตก
- ปากและลำคอเกิดอาการแดง อาจเกิดการติดเชื้อราลุกลามลงสู่หลอดอาหาร ทำให้เคี้ยวหรือกลืนอาหารลำบาก ซึ่งลูกอาจแสดงอาการหงุดหงิด ร้องงอแงขณะดูดนม
การดูแลและป้องกันเชื้อราในปากเด็ก
การป้องกันเชื้อราในปากเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเรื่องสุขอนามัยรอบตัวลูกน้อย รวมถึงสิ่งที่ลูกน้อยสามารถนำเข้าปากได้ในกิจวัตรประจำวัน
1. ล้างมือให้สะอาด
ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ทั้งก่อนและหลังสัมผัสปากของลูก หรือสัมผัสสิ่งของที่เข้าปากลูก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ดูแลให้ลูกดื่มน้ำหรือของเหลวให้เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
3. ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ให้นม
ฆ่าเชื้อจุกนม ขวดนม และชิ้นส่วนของอุปกรณ์ปั๊มนม ทุกครั้งหลังใช้งาน โดยนำไปต้มในน้ำเดือด 10 นาที และรอให้เย็นก่อนนำกลับมาใช้
4. จำกัดเวลาให้นม
จำกัดเวลาให้นม ทั้งจากเต้าและขวดไว้ที่ 20 นาทีต่อมื้อ เนื่องจากการดูดเป็นเวลานานอาจเพิ่มการระคายเคืองในช่องปากได้ค่ะ
5. ใช้จุกหลอกอย่างระมัดระวัง
ควรใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น หรือเมื่อปลอบด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล และควรมีจุกหลอกสำรองหลายอันเพื่อสลับกันฆ่าเชื้อระหว่างใช้งาน โดยฆ่าเชื้อด้วยวิธีเดียวกับการต้มจุกนม และขวดนม รวมถึงห้ามผู้ใหญ่หรือเด็กคนอื่น เอาจุกนมหลอกของลูกเข้าปากตนเอง
6. หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน
ไม่ควรใช้ขวดนม แก้วน้ำ หรือของเล่นของลูกร่วมกับผู้อื่น
7. สำหรับคุณแม่ที่ให้นมบุตร
ควรทำความสะอาดหัวนมด้วยน้ำสะอาด และซับให้แห้งทุกครั้งหลังให้นม หากเต้านมมีสัญญาณการติดเชื้อ เช่น เจ็บ แดง หรืออักเสบ ให้รีบปรึกษาแพทย์ เพราะคุณแม่อาจต้องรับการรักษาไปพร้อมกันกับลูกด้วย
8. ให้นมแม่อย่างต่อเนื่อง
การให้นมแม่อย่างต่อเนื่องช่วยเสริมภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรงของทารกได้ เพราะน้ำนมแม่มีภูมิต้านทานช่วยกำจัดเชื้อรา ซึ่งส่งผ่านจากแม่ไปสู่ลูกโดยตรง ช่วยให้ลูกแข็งแรง ลดโอกาสการติดเชื้อ
เชื้อราในบริเวณผ้าอ้อม ต่างจากผื่นผ้าอ้อมอย่างไร
หากพบว่าลูกมีผื่นผ้าอ้อม อาจเกิดจากการติดเชื้อราในบริเวณผ้าอ้อม คุณแม่ควรเข้าใจความแตกต่างและแยกให้ออกระหว่างผื่นผ้าอ้อม กับ เชื้อราบริเวณผ้าอ้อม โดยผื่นผ้าอ้อมเกิดจากความชื้นบนผิวของทารก สามารถดูแลได้โดยทำให้ผิวของทารกแห้ง และมักจะหายภายใน 2-3 วัน แต่เชื้อราในบริเวณผ้าอ้อมเป็นการติดเชื้อที่ต้องดูแลโดยการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์

ลักษณะอาการ
การติดเชื้อราบริเวณผ้าอ้อม หรือผื่นผ้าอ้อมจากเชื้อรา มักมีลักษณะเป็นผื่นแดงเข้ม อาจเป็นจุดเล็ก ๆ หรือปื้นใหญ่ โดยมีลักษณะเด่นคือ ขอบผื่นมักนูนชัด หรือมีตุ่มเล็ก ๆ กระจายอยู่รอบ ๆ ผื่นหลัก บางครั้งอาจพบตุ่มหนองคล้ายสิวร่วมด้วย
สาเหตุที่พบบ่อยของการติดเชื้อราในบริเวณที่ใส่ผ้าอ้อม
- ความอับชื้นจากการใส่ผ้าอ้อมเป็นเวลานาน ทำให้เชื้อราแคนดิดา อัลบิแคนส์เติบโตได้ดี
- การใช้ยาปฏิชีวนะ อาจไปทำลายแบคทีเรียชนิดดีที่คอยควบคุมเชื้อรา ทำให้เชื้อรามีโอกาสเติบโตจนเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
วิธีดูแลเมื่อลูกติดเชื้อราในบริเวณที่ใส่ผ้าอ้อม
- เปลี่ยนผ้าอ้อมทันทีที่ลูกฉี่หรืออึ ควรปลุกลูกเพื่อเปลี่ยนผ้าอ้อมอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงกลางคืน
- ล้างก้นลูกด้วยน้ำอุ่นและ ใช้ผ้านุ่ม ๆ เช็ดจากหน้าไปหลัง ทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอ้อม จากนั้นซับให้แห้งสนิท
- ห้ามทาแป้ง ทั้งแป้งข้าวโพด แป้งทัลคัม หรือแป้งเด็กทาบริเวณก้น เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง
- ปล่อยให้ลูกเล่นหรือนอนโดยไม่ใส่ผ้าอ้อมบ้าง อากาศจะช่วยให้ผิวแห้งและแผลหายเร็วขึ้น
- ใส่ผ้าอ้อมแบบหลวม ๆ เพื่อลดการเสียดสี
- ทายาในบริเวณที่เป็นตามที่แพทย์แนะนำ
- หากอาการ แย่ลง หรือไม่ดีขึ้นเลย ควรพาลูกไปพบแพทย์
สัญญาณอันตราย: อาการแบบไหนที่ต้องรีบไปหาหมอ
คุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์หากมีอาการที่สงสัยว่า ลูกเป็นเชื้อราในปาก เช่น มีคราบขาว เจ็บ หรือมีเลือดออก และควรกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง หากใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือกลับมาเป็นซ้ำ หรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น โดยให้คุณพ่อคุณแม่พิจารณาตามความเร่งด่วนจากอาการเหล่านี้ค่ะ
อาการฉุกเฉินที่ควรไปพบแพทย์ทันที
- สงสัยภาวะขาดน้ำ เช่น ไม่ปัสสาวะนานกว่า 8 ชั่วโมง ปัสสาวะสีเข้ม ปากแห้งมาก และร้องไห้ไม่มีน้ำตา
- ทารกอายุต่ำกว่า 1 เดือน และมีอาการผิดปกติ เช่น ดูอ่อนแรง หรือไม่เหมือนเดิม
- ลูกดูมีอาการป่วยหนัก หรือซึมลงมาก
- คิดว่าลูกจำเป็นต้องได้รับการตรวจ และเป็นปัญหาเร่งด่วน
อาการที่ควรติดต่อแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง
- มีไข้
- มีเลือดออกในช่องปาก
- ดื่มนมน้อยกว่าปกติ
- คิดว่าลูกจำเป็นต้องได้รับการตรวจ
การติดเชื้อราในปากทารกพบได้บ่อย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่แข็งแรง หรือได้รับเชื้อราผ่านช่องคลอดของคุณแม่ขณะคลอด รวมถึงเชื้อราที่ปนเปื้อนจากสิ่งของต่าง ๆ รอบตัวลูกน้อย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องหมั่นสำรวจและระมัดระวังในการรักษาความสะอาดตลอดเวลาสำหรับลูกน้อย รวมทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการให้นมแม่อย่างต่อเนื่อง เพราะนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด เช่น ดีเอชเอ (DHA) วิตามิน แคลเซียม รวมถึง แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ซึ่งช่วยสร้างและเชื่อมต่อเครือข่ายสมองให้แข็งแรง ส่งผลดีเยี่ยมต่อการเรียนรู้และพฤติกรรม ทำให้เด็กเจนใหม่ สมองไวและเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ อีกทั้งยังมีจุลินทรีย์สุขภาพ บี แล็กทิส (B. lactis) หนึ่งในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) และยังเป็นโพรไบโอติก ที่สามารถส่งต่อเพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยผ่าคลอดได้เป็นอย่างดี
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
- เข็มกลัดคนท้องจำเป็นไหม ทำไมคนท้องติดเข็มกลัดคนท้อง
- ยาบำรุงครรภ์คนท้อง จำเป็นแค่ไหนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
- ครรภ์เป็นพิษ วิธีสังเกตอาการและแนวทางป้องกันเพื่อสุขภาพแม่และลูก
- คนท้องกินเผ็ดได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า
- คนท้องกินโซดาได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า
อ้างอิง:
- What does it mean if a baby has a white tongue?, Medical News Today
- เชื้อราในปากจากการให้นมแม่ ส่งผลกระทบอย่างไร, Hello คุณหมอ
- เชื้อราในช่องปาก ปัญหาสุขภาพของเด็กที่พ่อแม่ควรรู้, Pobpad
- Thrush and Yeast Infections, NationWideChildren’s
- ฝ้าขาว...เชื้อราในปากเบบี้, สถาบันราชานุกูล
- 8 ประโยชน์จากการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ ที่คุณแม่ต้องรู้, โรงพยาบาลวิมุต
- Thrush in babies, Children’s Health Queensland
- เชื้อราในปาก (Oral Thrush), Pobpad
- Thrush, Seattle Children’s
- Oral thrush, Mayo Clinic
อ้างอิง ณ วันที่ 21 กันยายน 2568

คุณแม่ตั้งครรภ์

แม่ผ่าคลอด

ดูแลลูกตามช่วงวัย

ภูมิแพ้ในเด็ก

แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน

พัฒนาการสมองลูกน้อย

การขับถ่ายลูกน้อย

คุณแม่ให้นมบุตร

เครื่องมือตัวช่วยคุณแม่ท้อง พร้อมปฎิทินการตั้งครรภ์

อาหารเด็ก

S-Mom Club

วิดีโอแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

โปรโมชัน



ความคิดเห็น