ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสีย เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย

Listen to this article
Ready
ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสีย เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย
ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสีย เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย









































ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสีย เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย
















ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสีย เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย





















































รวมบทความ ทารกแรกเกิด การดูแลเด็กทารกให้ดีที่สุด




















บทความ




















ก.ย. 26, 2025




















9นาที










ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสีย อาจทำให้ลูกขาดน้ำจากถ่ายมาก เพื่อคลายความกังวลและช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกน้อยได้อย่างถูกต้อง บทความนี้จะพาไปหาสาเหตุ และวิธีดูแลลูกเบื้องต้น เมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว รวมถึงการสังเกตอาการที่ต้องรีบพาลูกไปพบคุณหมอทันที





























เก็บไว้อ่านคราวหน้า





































ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสีย เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย
































































คำถามที่พบบ่อย
































ลูกท้องเสีย ต้องให้จิบเกลือแร่ (ORS) ตลอดเวลาหรือไม่?







ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการให้ลูกจิบน้ำเกลือแร่สำหรับเด็ก (ORS) เพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่เสียไป ในปริมาณที่เหมาะสมโดยเฉพาะในเด็กเล็ก























ลูกหายท้องเสียแล้ว แต่ยังถ่ายเหลวอยู่เล็กน้อย ปกติไหม?







เป็นเรื่องปกติ หลังจากอาการท้องเสียรุนแรงดีขึ้นแล้ว ลำไส้ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู อุจจาระอาจจะยังนิ่มหรือเหลวกว่าปกติไปอีกหลายวัน ตราบใดที่ความถี่ในการถ่ายลดลง ลูกร่าเริงและกินได้ดีขึ้น ก็ไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ตามหากไม่มั่นใจควรปรึกษาแพทย์























ฟันขึ้นทำให้ลูกท้องเสียจริงหรือไม่?







เมื่อลูกฟันขึ้น อาการที่พบได้ คือ น้ำลายไหล เบื่ออาหาร หรือชอบเอาสิ่งของเข้าปากถูนวดเหงือก ซึ่งไม่พบอาการท้องเสียที่มีสาเหตุมาจากฟันขึ้นแต่อย่างใด





































สรุป

  • ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว มักเกิดจากโรคท้องเสียที่มีการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะ ไวรัสโรต้า (Rotavirus) ซึ่งมักจะเริ่มด้วยอาการ อาเจียนนำ ตามมาด้วย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ บางครั้งอาจถ่ายมากจนก้นแดง และมีไข้ร่วมด้วย
  • อาการท้องเสียในเด็ก มักเป็นแบบเฉียบพลัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการไม่เกิน 14 วัน แต่ถ้าคุณแม่สังเกตว่าลูกเป็นไข้ถ่ายเหลวบ่อยมาก กว่า 10 ครั้งต่อวัน ถ่ายออกมาเป็นมูกเลือด หรือถ่ายเป็นสีดำเหนียว ปากแห้ง ผิวแห้งและกระหม่อมบุ๋มลึก ควรรีบพาไปโรงพยาบาลพบคุณหมอทันที
  • เมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว มีอาการท้องเสีย คุณแม่ยังสามารถให้ลูกกินนมแม่ได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องงดนมแต่อย่างใด สำหรับลูกที่ดื่มนมผสม ให้ชงนมในสัดส่วนเท่าเดิม แต่เพิ่มจำนวนมื้อนมให้ถี่ขึ้น และลดปริมาณแต่ละมื้อลง เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ หากอาการท้องเสียยังไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับนมที่ปราศจากน้ำตาลแลคโตส

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว อันตรายไหม? สาเหตุและอาการที่ต้องสังเกต
  • ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ท้องเสียแบบไหนที่ควรรีบไปพบแพทย์?
  • ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสียให้กินอะไรดี? วิธีดูแลเรื่องอาหารและนม
  • ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสียกี่วันหาย และการดูแลลูกท้องเสียเบื้องต้นที่บ้าน
  • วิธีป้องกันไม่ให้ลูกท้องเสีย

 

เด็กทารกนอนตะแคง

 

ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว อันตรายไหม? สาเหตุและอาการที่ต้องสังเกต

คุณแม่คงเป็นกังวลเมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว อาการนี้มักเกิดจาก โรคท้องเสียที่มีการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะ ไวรัสโรต้า (Rotavirus) ซึ่งมักจะเริ่มด้วยอาการอาเจียนนำ ตามมาด้วยถ่ายเหลวเป็นน้ำ บางครั้งอาจถ่ายมากจนก้นแดง และมีไข้ร่วมด้วย ปกติแล้วโรคท้องเสียส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและหายได้เองค่ะ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องระวังคือภาวะขาดน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากในเด็กเล็ก หากลูกอาเจียนมากจนกินอะไรไม่ได้ หรือถ่ายมากจนร่างกายขาดน้ำ อาจสังเกตได้จากอาการหิวน้ำ ปากแห้ง ตาโบ๋ กระวนกระวาย หรือซึมลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นการติดเชื้อไวรัสโรต้า ลูกจะถ่ายเป็นน้ำปริมาณมาก หากลูกไม่สามารถจิบน้ำเกลือแร่ที่คุณหมอจัดให้ทดแทนได้เพียงพอจนเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะช็อก และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยนะคะ เพื่อให้คุณแม่รับมือและดูแลลูกได้อย่างทันท่วงที เรามาดูสาเหตุและอาการสำคัญที่ต้องสังเกตเมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลวกันค่ะ

สาเหตุหลักที่ทำให้ลูก 1 ขวบท้องเสียมีไข้

อาการท้องเสียในเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กวัย 1 ขวบ ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย รวมถึงเชื้ออื่นๆ อย่างปรสิต และอาจเกิดจากอาหารเป็นพิษที่ปนเปื้อนในอาหารได้ด้วย โดยสามารถแบ่งสาเหตุออกได้เป็นหลายประเภทดังนี้

1. การติดเชื้อไวรัส

การติดเชื้อไวรัสเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กท้องเสีย ไวรัสโรต้า และ โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุของการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร

  • ไวรัสโรต้า: ติดต่อโดยตรงจากการนำเชื้อเข้าสู่ปาก ซึ่งอาจปนเปื้อนมากับมือ สิ่งของ ของเล่น อาหาร หรือน้ำเมื่อได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีอาการป่วยได้ภายใน 2 วัน โดยมีความรุนแรงแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคนค่ะ หากเป็นการติดเชื้อครั้งแรกจะมีอาการรุนแรง ส่วนใหญ่มักมีอาการอาเจียนนำมาก่อน จากนั้นจะมีการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ
  • โนโรไวรัส: แพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็วแม้ได้รับเชื้อเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ยังทนทานต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อ ทำให้หากปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำดื่ม จะทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียนได้

 

2. การติดเชื้อแบคทีเรีย

ลำไส้อักเสบที่เกิดจากแบคทีเรียก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ โดยเชื้อที่พบบ่อยได้แก่ เชื้อซัลโมเนลลา (Salmonella) และ เชื้ออีโคไล (E. coli) ซึ่งมักปนเปื้อนมากับอาหารหรือน้ำดื่ม เมื่อเด็กได้รับเชื้อจะทำให้มีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลว อาจมีมูกหรือเลือดปน และอาจมีไข้ร่วมด้วย

 

3. การแพ้อาหาร

การแพ้อาหารบางชนิด เช่น การแพ้โปรตีนนมวัว สามารถทำให้เด็กท้องเสียเรื้อรัง และถ่ายมีมูกปนเลือดได้ นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ใบหน้าและปากบวมแดง มีผื่นลมพิษ หรืออาเจียนมาก การแพ้โปรตีนนมวัวอาจไม่ได้แสดงอาการทันทีที่ดื่ม แต่จะค่อยๆ แสดงอาการหลังจากดื่มไปแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์

หากลูกของคุณมีอาการท้องเสียมากและมีไข้ ควรรีบพาไปโรงพยาบาลพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมนะคะ

 

อาการแบบไหนที่เรียกว่า "ท้องเสีย"

เมื่อลูกน้อยมีอาการเหล่านี้ คุณแม่ควรเริ่มสังเกตเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นสัญญาณของอาการท้องเสียค่ะ

  • ถ่ายเหลวและถ่ายบ่อยกว่าปกติ: หากลูกถ่ายอุจจาระเหลว หรือถ่ายบ่อยเกินกว่า 3 ครั้งต่อวัน
  • ปวดท้อง ท้องอืด และมีลมในลำไส้: ลูกอาจจะงอแงเพราะรู้สึกไม่สบายท้อง
  • คลื่นไส้ อาเจียน: อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นร่วมกับท้องเสียได้
  • มีเสียงท้องร้อง: เป็นเสียงที่เกิดจากการบีบตัวของลำไส้ในกระเพาะอาหาร

 

หากลูกมีอาการเหล่านี้รวมกันหลายอย่าง คุณแม่ควรเฝ้าระวังและดูแลอย่างใกล้ชิดนะคะ

 

ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ท้องเสียแบบไหนที่ควรรีบไปพบแพทย์?

เมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว มีอาการท้องเสีย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ ภาวะขาดน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็กเล็กได้ง่ายมาก หากลูกมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพาไปโรงพยาบาลทันทีเพื่อรับการตรวจรักษาอย่างเหมาะสมค่ะ

  1. มีอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น กระหม่อมบุ๋ม ตาโหลดูโบ๋ลึก ปากแห้ง ปัสสาวะน้อยลง หรือลูกดูซึมผิดปกติ
  2. ถ่ายอุจจาระบ่อยผิดปกติ คือถ่ายมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน หรืออุจจาระมีมูกปนเลือด
  3. อาเจียนอย่างรุนแรง จนไม่สามารถป้อนน้ำหรือดื่มน้ำเกลือแร่ตามที่คุณหมอให้ได้
  4. มีไข้สูง ชัก ท้องอืด หรือหายใจหอบ

 

การไปพบแพทย์อย่างทันท่วงทีจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย และทำให้ลูกกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้นค่ะ

 

ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสียให้กินอะไรดี? วิธีดูแลเรื่องอาหารและนม

คุณแม่ทราบไหมคะว่าเมื่อลูกน้อย ท้องเสีย หรือ เป็นไข้ถ่ายเหลว คุณแม่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษนะคะ เพราะร่างกายของลูกอาจเสี่ยงต่อการขาดน้ำได้ง่ายค่ะ สิ่งสำคัญคือการให้ลูกได้รับสารน้ำที่เพียงพอ และหากจำเป็นต้องได้รับผงเกลือแร่ ควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรก่อนเสมอ อย่าซื้อน้ำเกลือแร่หรือยาบรรเทาอาการใดๆ มาให้ลูกกินเองเด็ดขาดนะคะ และคอยสังเกตอาการอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เช่น ลูกดูซึมลง หรือตาโหลโบ๋ลึก หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพาลูกไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

 

เด็กท้องเสียกินนมได้มั้ย ให้กินอะไรปลอดภัยกับลูก

 

ลูกท้องเสีย ควรกินอะไรดีที่ปลอดภัย?

เมื่อลูกท้องเสีย การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้ลำไส้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และป้องกันภาวะขาดน้ำได้ค่ะ คุณแม่สามารถดูแลลูกได้ดังนี้

  1. เน้นอาหารอ่อน ย่อยง่าย: หากลูกเริ่มกินอาหารเสริมแล้ว ให้เลือกอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือแกงจืด หรืออาหารที่ปรุงรสอ่อนๆ ควรป้อนทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง เพื่อให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น และที่สำคัญ ควรงดน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพราะจะยิ่งทำให้ลูกท้องเสียมากขึ้นได้
  2. จิบน้ำเกลือแร่ (ORS): ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เกี่ยวกับการให้ลูกจิบน้ำเกลือแร่สำหรับเด็ก (ORS) เพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่เสียไป ในปริมาณที่เหมาะสมโดยเฉพาะในเด็กเล็ก
  3. หลีกเลี่ยงยาหยุดถ่าย: ไม่ควรให้ลูกกินยาหยุดถ่าย เด็ดขาด เพราะยาจะไปกักเก็บเชื้อโรคไว้ในลำไส้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายและทำให้เชื้อแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้ค่ะ

 

การดูแลเรื่องอาหารและน้ำอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ลูกน้อยกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้นค่ะ

 

แม่ให้นมทารก

 

ลูกท้องเสีย ยังดื่มนมได้เหมือนเดิมหรือไม่ ?

เรื่องนมเป็นสิ่งที่คุณแม่หลายคนกังวลเป็นพิเศษเมื่อลูกท้องเสียค่ะ มาดูกันว่าควรให้ลูกดื่มนมอย่างไรดี

  1. ถ้าลูกยังดื่มนมแม่: ให้ลูกดื่มนมแม่ได้ตามปกติเลยค่ะ เพราะนมแม่มีสารอาหารครบถ้วนและช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดี
  2. ถ้าลูกดื่มนมผสม:
    • ช่วงแรก ให้คุณแม่ชงนมในสัดส่วนเดิม แต่แบ่งให้ลูกดื่มทีละน้อยๆ แต่บ่อยครั้งขึ้น เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่องและลำไส้ไม่ทำงานหนักเกินไป
    • ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น หรือยังคงท้องเสียหลังจาก 3 วัน อาจปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการให้นมที่ปราศจากน้ำตาลแลคโตส (Lactose-free) ชั่วคราวค่ะ เนื่องจากช่วงที่ท้องเสีย ลำไส้ของลูกอาจไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสได้ดีเท่าที่ควร เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ตามที่คุณหมอให้คำแนะนำ ค่อยกลับมาให้นมปกติได้ค่ะ

 

การดูแลเรื่องนมอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็นและฟื้นตัวได้เร็วขึ้นค่ะ

 

ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสียกี่วันหาย และการดูแลลูกท้องเสียเบื้องต้นที่บ้าน

คุณแม่คงกังวลใจไม่น้อยเลยใช่ไหมคะเวลาที่ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ท้องเสีย เพราะนอกจากอาการที่ทำให้ลูกไม่สบายตัวแล้ว ยังแอบห่วงเรื่องภาวะขาดน้ำอีกด้วย มาดูกันค่ะว่าเมื่อลูกท้องเสียกี่วันหาย และคุณแม่ควรดูแลเบื้องต้นอย่างไรบ้าง

ระยะเวลาของอาการท้องเสีย

ท้องเสีย คืออาการถ่ายเหลวเป็นน้ำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อวันค่ะ อาการท้องเสียพบได้บ่อยในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี โดยทั่วไปแล้วอาการท้องเสียในเด็ก มักเป็นแบบเฉียบพลัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการไม่เกิน 14 วันค่ะ

 

ยาแก้ท้องเสีย เด็กกินได้ไหม?

เมื่อลูกมีอาการท้องเสีย คุณหมอจะไม่แนะนำให้กินยาหยุดถ่าย เพราะการถ่ายอุจจาระเป็นการช่วยขับเชื้อโรคออกจากร่างกายค่ะ การให้ยาแก้ท้องเสียนั้นต้องอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของคุณหมอเท่านั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรซื้อยาแก้ท้องเสียมาให้ลูกกินเองโดยเด็ดขาดนะคะ ดีที่สุดเมื่อลูกมีอาการท้องเสีย ควรรีบพาไปโรงพยาบาล

 

วิธีป้องกันไม่ให้ลูกท้องเสีย

เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกน้อยท้องเสีย ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโรคต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย คุณแม่สามารถดูแลลูกน้อยด้วยวิธีง่ายๆ ได้ดังนี้ค่ะ

1. เลี้ยงลูกด้วยนมแม่:

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นการส่งเสริมให้ร่างกายลูกมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมากๆ ค่ะ เพราะนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด เช่น ดีเอชเอ (DHA) วิตามิน และแอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) รวมถึงยังมีสารภูมิคุ้มกันและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่น จุลินทรีย์สุขภาพ บีแล็กทิส (B. lactis) ซึ่งเป็นหนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) และยังเป็นโพรไบโอติกที่สามารถส่งต่อเพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยได้อีกด้วยค่ะ

 

2. อาหารปรุงสุกและสะอาด:

อาหารที่เตรียมให้ลูกต้องปรุงสุก สะอาด ไม่มีแมลงวันตอม และหากเก็บอาหารไว้ในตู้เย็น ต้องนำออกมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนให้ลูกกินนะคะ

 

3. ผักสดและผลไม้ต้องสะอาด:

ผักและผลไม้สดที่จะเตรียมให้ลูก ก่อนนำมารับประทานต้องล้างให้สะอาดทุกครั้งค่ะ

 

4. ล้างมือให้สะอาด:

คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ดูแลเด็กทุกคน จำเป็นต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง เช่น ก่อนปรุงอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร และหลังการใช้ห้องน้ำ หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกค่ะ รวมถึงสอนให้ลูกรู้วิธีการล้างมือที่ถูกต้อง และฝึกให้ลูกล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำด้วยนะคะ

 

5. รับวัคซีน:

การพาลูกไปรับวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด อาจช่วยลดความรุนแรงจากอาการท้องเสียได้ค่ะ ปัจจุบันมีวัคซีนที่ใช้ป้องกันลูกท้องเสีย เป็นแบบหยอด โดยหยอด 2 ครั้ง เมื่อลูกอายุ 2 และ 4 เดือน และหยอด 3 ครั้ง เมื่ออายุ 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน

 

เมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว มีอาการท้องเสียเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากค่ะ เนื่องจากอาจทำให้ร่างกายของลูกเกิดภาวะขาดน้ำได้ หากสังเกตเห็นความผิดปกติในการขับถ่ายของลูก เช่น ถ่ายเหลว 3 ครั้งต่อวัน หรือถ่ายเป็นมูกเลือด 1 ครั้งต่อวัน ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง สิ่งสำคัญคือ การให้ยาแก้ท้องเสียใดๆ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น นอกจากนี้การให้ลูกได้รับวัคซีนตามวัยก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ค่ะ

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

  • Health check แบบประเมินสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของลูกน้อย
  • ทารกตัวเหลือง เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลทารกตัวเหลือง
  • สายสะดือทารก สะดือใกล้หลุดเป็นแบบไหน พร้อมวิธีทำความสะอาด
  • วิธีห่อตัวทารกที่ถูกต้อง ให้ลูกน้อยสบายตัว เหมือนอยู่ในท้องแม่
  • สีอุจจาระทารก ลักษณะอุจจาระทารกปกติเป็นแบบไหน




































อ้างอิง:











  1. ไวรัสโรต้า สาเหตุของท้องเสีย, สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
  2. โนโรไวรัส (Norovirus) ตัวการท้องเสียระบาดในเจ้าตัวเล็ก, โรงพยาบาลกรุงเทพ
  3. โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ (Colitis), โรงพยาบาล MedPark
  4. ท้องเสียไม่ใช่เรื่องเล่น ! เจาะลึกสาเหตุ พร้อมเคล็ดลับวิธีแก้ท้องเสีย, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  5. 4 อาการสำคัญของโรคท้องเสียในเด็กที่ต้องรีบมาพบแพทย์, โรงพยาบาลนครธน
  6. ลูกน้อยท้องเสียบ่อย ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก, โรงพยาบาลบางปะกอก 3
  7. วิธีแก้ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ กินอะไรได้บ้าง รับมืออย่างไรดี?, โรงพยาบาลวิมุต
  8. ท้องเสียดูแลอย่างไร, โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์
  9. อุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า (Rotavirus), สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
  10. สัญญาณที่บ่งบอกว่า "ลูกน้อย" มีฟันขึ้น, โรงพยาบาลเชียงใหม่ ฮอสพิทอล
  11. อุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า (Rotavirus), สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
  12. รู้ได้อย่างไรว่าลูกแพ้นมวัว, โรงพยาบาลนครธน

 

อ้างอิง ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2568
 















































































คุณแม่ตั้งครรภ์






คุณแม่ตั้งครรภ์














แม่ผ่าคลอด






แม่ผ่าคลอด














ดูแลลูกตามช่วงวัย






ดูแลลูกตามช่วงวัย














ภูมิแพ้ในเด็ก






ภูมิแพ้ในเด็ก














แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน






แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน














พัฒนาการสมองลูกน้อย






พัฒนาการสมองลูกน้อย














การขับถ่ายลูกน้อย






การขับถ่ายลูกน้อย














แม่ให้นม






คุณแม่ให้นมบุตร














ตัวช่วยสำหรับคุณแม่






เครื่องมือตัวช่วยคุณแม่ท้อง พร้อมปฎิทินการตั้งครรภ์














อาหารเด็ก






อาหารเด็ก














S-Mom Club พร้อมเคียงข้างทุกช่วงเวลาที่สำคัญของคุณและลูก






S-Mom Club














วิดีโอแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ






วิดีโอแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ














ผลิตภัณฑ์






ข้อมูลผลิตภัณฑ์














โปรโมชั่น






โปรโมชัน




















































ความคิดเห็น

ความคิดเห็น (0)

ยังไม่มีความคิดเห็นสำหรับบทความนี้

โฆษณา

คำนวณฤกษ์แต่งงาน 2568

ปฏิทินไทย

25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
วันอังคาร
Advertisement Placeholder (Below Content Area)