ฝากครรภ์ครั้งแรก เตรียมตัวยังไง เริ่มเมื่อไหร่ดี?

Listen to this article
Ready
ฝากครรภ์ครั้งแรก เตรียมตัวยังไง เริ่มเมื่อไหร่ดี?
ฝากครรภ์ครั้งแรก เตรียมตัวยังไง เริ่มเมื่อไหร่ดี?









































ฝากครรภ์ครั้งแรก เตรียมตัวยังไง เริ่มเมื่อไหร่ดี?
















ฝากครรภ์ครั้งแรก เตรียมตัวยังไง เริ่มเมื่อไหร่ดี?





















































คู่มือคุณแม่มือใหม่ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ พร้อมเคล็ดลับดูแลตัวเอง




















บทความ




















ต.ค. 3, 2025




















10นาที










การฝากครรภ์ คือก้าวแรกที่สำคัญ แล้วคุณแม่ควรเริ่มฝากครรภ์เมื่อไหร่? ต้องตรวจอะไรบ้าง? บทความนี้มีคำตอบที่จะช่วยให้ว่าที่คุณแม่มือใหม่ทุกคนได้เตรียมพร้อมและเข้าใจถึงความสำคัญของการดูแลตัวเองและลูกน้อยในครรภ์ เพื่อการตั้งครรภ์ที่ราบรื่นและปลอดภัยตลอด 9 เดือน





























เก็บไว้อ่านคราวหน้า





































ฝากครรภ์ครั้งแรก เตรียมตัวยังไง เริ่มเมื่อไหร่ดี?
































































คำถามที่พบบ่อย
































ถ้าไม่ฝากครรภ์เลยได้ไหม? มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?







คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้การตั้งครรภ์ดำเนินไปโดยไม่ฝากครรภ์ เพราะถึงแม้ว่าคุณแม่ส่วนใหญ่จะตั้งครรภ์ได้อย่างราบรื่น แต่ยังมีคุณแม่ประมาณ 20% ที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว การไม่ฝากครรภ์ทำให้พลาดโอกาสสำคัญในการตรวจพบความเสี่ยงต่าง ๆ ตั้งแต่เนิ่น ๆ ดังนั้นการฝากครรภ์จึงเป็นเหมือนเกราะป้องกันที่จะช่วยให้คุณหมอสามารถดูแลและวางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้คุณแม่และลูกน้อยปลอดภัยที่สุด























ถ้าเพิ่งรู้ตัวว่าท้องตอนอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ไปแล้ว ควรทำอย่างไร?







ให้รีบไปฝากครรภ์ทันทีที่ทราบ ไม่ต้องกังวล แม้จะช้ากว่าช่วงเวลาที่แนะนำ แต่การเริ่มต้นฝากครรภ์ยังคงจำเป็นอย่างยิ่ง แพทย์จะทำการประเมินสุขภาพและวางแผนการดูแลที่เหมาะสมกับอายุครรภ์ปัจจุบันของคุณแม่ให้ได้ดีที่สุด























ฝากครรภ์ครั้งแรกใช้เวลานานไหม ควรลางานทั้งวันหรือไม่?







การฝากครรภ์ครั้งแรกมักใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าครั้งถัดไป ประมาณ 2-4 ชั่วโมง เนื่องจากมีขั้นตอนการซักประวัติอย่างละเอียด, การตรวจร่างกาย, การเจาะเลือด และอาจมีการอัลตราซาวด์ หากเป็นโรงพยาบาลรัฐ อาจต้องเผื่อเวลารอคิวเพิ่มด้วย แนะนำให้ลางานครึ่งวันเช้าหรือเตรียมเวลาไว้ให้เพียงพอเพื่อความสะดวก





































สรุป

  • การฝากครรภ์ (Antenatal care) คือ การดูแลสุขภาพตั้งแต่เมื่อเริ่มตั้งครรภ์จนถึงวันกำหนดคลอด การฝากครรภ์ควรเริ่มทำทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์
  • การฝากครรภ์แนะนำให้คุณแม่เริ่มฝากครรภ์เมื่ออายุครรภ์ 4-8 สัปดาห์ หรืออย่างช้าที่สุด ไม่ควรเกิน 12 สัปดาห์ (3 เดือน) นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนรอบสุดท้าย
  • คุณแม่ที่ส่งเงินสมทบประกันสังคมสามารถใช้สิทธิเบิก ค่าฝากครรภ์ ได้ในวงเงินรวม 1,500 บาท โดยจะแบ่งจ่ายสูงสุด 5 ครั้ง ตามช่วงอายุครรภ์ที่กำหนด

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • การฝากครรภ์คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับคุณแม่และลูกน้อย?
  • ประโยชน์ของการฝากครรภ์ สิ่งดี ๆ ที่คุณแม่และลูกน้อยจะได้รับ
  • ฝากครรภ์ครั้งแรกเริ่มเมื่อไหร่ดี?
  • ฝากครรภ์มีกี่ครั้ง?
  • สิ่งที่ต้องเตรียม เมื่อไปฝากครรภ์
  • จะฝากครรภ์ที่ไหนดี?
  • การฝากครรภ์ครั้งแรก ต้องตรวจอะไรบ้าง?
  • ฝากครรภ์ ใช้สิทธิประกันสังคมได้ไหม?
  • กระบวนการฝากครรภ์ตลอดการตั้งครรภ์

 

การฝากครรภ์คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับคุณแม่และลูกน้อย?

การฝากครรภ์ (Antenatal care) คือการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงวันคลอดค่ะ ถือเป็นสิ่งแรกที่คุณแม่ควรทำเมื่อรู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตน้อย ๆ อยู่ในท้อง เพราะการฝากครรภ์จะช่วยให้คุณหมอได้ดูแลและติดตามพัฒนาการของลูกน้อย พร้อมทั้งประเมินสุขภาพของคุณแม่อย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการตั้งครรภ์นี้จะปลอดภัยและราบรื่นที่สุด

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาวะแทรกซ้อน หรือความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับลูกน้อย เช่น กลุ่มอาการดาวน์ ภาวะทารกไม่มีกะโหลกศีรษะ ปากแหว่งเพดานโหว่ ธาลัสซีเมีย หรือภาวะครรภ์เสี่ยงสูง เป็นต้น การฝากครรภ์จึงเป็นเหมือนเกราะป้องกันที่สำคัญที่สุด ที่จะช่วยให้คุณหมอสามารถค้นหาและเฝ้าระวังความเสี่ยงเหล่านี้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้สามารถวางแผนดูแลรักษาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดอันตราย แต่ยังช่วยให้คุณแม่คลายความกังวลและมั่นใจได้ว่าทั้งคุณแม่และลูกน้อยจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดตลอดการตั้งครรภ์ไปจนถึงวันคลอดค่ะ

 

ประโยชน์ของการฝากครรภ์ สิ่งดี ๆ ที่คุณแม่และลูกน้อยจะได้รับ

สงสัยไหมคะว่า การฝากครรภ์ มีประโยชน์อย่างไร ทำไมถึงสำคัญขนาดนี้? การฝากครรภ์เป็นมากกว่าแค่การไปตรวจสุขภาพ แต่คือการวางรากฐานที่แข็งแรงให้กับการตั้งครรภ์ เพื่อให้คุณแม่และลูกน้อยปลอดภัยและมีสุขภาพดีที่สุด มาดูกันว่าการฝากครรภ์มีประโยชน์อย่างไรกันบ้างค่ะ

  • สุขภาพดีทั้งกายและใจ: คุณหมอจะให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์รอบด้าน ทั้งเรื่องโภชนาการที่เหมาะสม, การออกกำลังกายที่ปลอดภัย, หรือแม้แต่การปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวัน ช่วยให้คุณแม่มีสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจอย่างมั่นใจ
  • ตรวจคัดกรองความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ: การฝากครรภ์ช่วยให้คุณหมอสามารถตรวจหาความเสี่ยงหรือโรคที่อาจเป็นอันตรายได้ทันเวลา เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษ, โลหิตจาง หรือโรคติดเชื้อต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังท่าของลูกน้อยในครรภ์ เพื่อให้พร้อมช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อจำเป็น
  • ป้องกันและลดภาวะแทรกซ้อน: คุณหมอจะช่วยดูแลให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างปกติที่สุด หากเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้น จะสามารถวินิจฉัยและแก้ไขได้อย่างทันท่วงที และพร้อมสำหรับการคลอดอย่างปลอดภัย
  • ดูแลลูกน้อยให้สมบูรณ์แข็งแรง: การฝากครรภ์ช่วยลดความเสี่ยงสำคัญต่าง ๆ เช่น การแท้งบุตร, การคลอดก่อนกำหนด หรือการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน มีพัฒนาการที่ดี และมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมอีกด้วย

การฝากครรภ์จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการเดินทางสู่การเป็นแม่ เพื่อให้ทุกวันของการตั้งครรภ์เต็มไปด้วยความสุขและความอุ่นใจค่ะ

 

ฝากครรภ์ครั้งแรกเริ่มเมื่อไหร่ดี?

ถ้าคุณแม่รู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์แล้ว สิ่งแรกที่ควรทำคือรีบไปฝากครรภ์ทันทีค่ะ ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ เมื่ออายุครรภ์ 4-8 สัปดาห์ หรือไม่ควรเกิน 12 สัปดาห์ (3 เดือน) นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนรอบสุดท้าย

แต่ถ้าเป็นไปได้ การเริ่มต้นวางแผนฝากครรภ์ล่วงหน้าก่อนการตั้งครรภ์สัก 1 เดือน ถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ เพราะคุณหมอจะสามารถตรวจสุขภาพเชิงลึกของคุณพ่อคุณแม่ได้ทั้งคู่ เพื่อประเมินความพร้อมและวางแผนการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณแม่มีปัญหาสุขภาพ การดูแลจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การตั้งครรภ์ของคุณปลอดภัยที่สุดค่ะ

 

ฝากครรภ์มีกี่ครั้ง?

จำนวนครั้งในการฝากครรภ์จะขึ้นอยู่กับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยเป็นหลักค่ะ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาจากอายุครรภ์และภาวะเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น แต่โดยปกติแล้วสำหรับคุณแม่ที่มีสุขภาพดีและมีอายุในช่วง 18-35 ปี จะมีตารางนัดหมายประมาณนี้ค่ะ

  1. อายุครรภ์น้อยกว่า 28 สัปดาห์: นัดทุก ๆ 4 สัปดาห์ (เดือนละครั้ง)
  2. อายุครรภ์ 28-32 สัปดาห์: นัดทุก ๆ 2-3 สัปดาห์
  3. อายุครรภ์ 32-40 สัปดาห์: นัดทุกสัปดาห์จนถึงวันคลอด

 

ทั้งนี้หากคุณหมอเห็นว่าจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง อาจจะมีการนัดที่ถี่ขึ้น เพื่อดูแลคุณแม่และลูกน้อยอย่างใกล้ชิดที่สุดค่ะ

 

คุณแม่ตั้งครรภ์ปรึกษาแพทย์

 

สิ่งที่ต้องเตรียม เมื่อไปฝากครรภ์

เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว คุณแม่ควรเตรียมสิ่งเหล่านี้ไปให้พร้อมนะคะ

  1. บัตรประชาชน: ของคุณแม่และคุณพ่อ
  2. ประวัติสุขภาพ: ข้อมูลสำคัญที่จำเป็นมาก เช่น ประวัติการเจ็บป่วย, การแพ้ยา, โรคประจำตัว, ประวัติการตั้งครรภ์ครั้งก่อน (ถ้าเคย) และประวัติโรคทางพันธุกรรมในครอบครัว
  3. ข้อมูลของการมีประจำเดือน: วันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย เพื่อให้คุณหมอคำนวณอายุครรภ์และวันคลอดได้อย่างแม่นยำ

 

จะฝากครรภ์ที่ไหนดี?

สำหรับว่าที่คุณแม่มือใหม่ที่กำลังลังเลว่าจะฝากครรภ์ที่ไหนดี ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวค่ะ แต่ให้ลองพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้การฝากครรภ์ของคุณแม่ราบรื่นที่สุด

  1. เลือกสถานที่ที่เดินทางสะดวก: เพราะการนัดตรวจที่ถี่ขึ้นในช่วงใกล้คลอดหรือเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน จะช่วยให้คุณแม่เดินทางไปโรงพยาบาลได้ทันเวลาและปลอดภัย
  2. เลือกคุณหมอที่ไว้ใจ: ลองหาข้อมูลและเลือกคุณหมอที่มีประสบการณ์ รวมถึงพูดคุยแล้วรู้สึกสบายใจ เพราะการฝากครรภ์คือการดูแลกันไปตลอด 9 เดือนเต็ม
  3. เลือกตามงบประมาณและความสะดวก: ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน ให้เลือกที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของคุณแม่มากที่สุดค่ะ

 

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้การฝากครรภ์ครั้งแรกของคุณแม่เต็มไปด้วยความราบรื่นและอุ่นใจนะคะ

 

ฝากครรภ์ครั้งแรก ต้องตรวจอะไรบ้าง?

การฝากครรภ์ครั้งแรกคือการสร้างแฟ้มสุขภาพที่สำคัญที่สุดค่ะ คุณหมอจะตรวจอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าทั้งคุณแม่และลูกน้อยมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง มาดูกันว่าคุณหมอจะตรวจอะไรบ้าง

1. ซักประวัติสุขภาพ

คุณหมอจะพูดคุยกับคุณแม่เกี่ยวกับข้อมูลที่จำเป็นเพื่อนำไปวางแผนการดูแลอย่างเหมาะสมที่สุดค่ะ

  • ประวัติการมีประจำเดือน: วันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย เพื่อคำนวณอายุครรภ์และวันคลอด
  • ประวัติสุขภาพส่วนตัวและครอบครัว: ไม่ว่าจะเป็นโรคประจำตัว, การแพ้ยา, ประวัติการตั้งครรภ์ครั้งก่อน หรือโรคทางกรรมพันธุ์ในครอบครัว
  • พฤติกรรมสุขภาพ: การสูบบุหรี่หรือการใช้สารเสพติด เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อลูกน้อย

 

2. ตรวจร่างกายพื้นฐาน

  • ชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูง: เพื่อประเมินการเจริญเติบโตของลูกในครรภ์ และวางแผนการคลอดที่ปลอดภัย
  • วัดความดันโลหิต: เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน เช่น ครรภ์เป็นพิษ ที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งคุณแม่และลูก
  • ตรวจร่างกายทั่วไป: คุณหมอจะตรวจสุขภาพโดยรวม เช่น หัวใจ ปอด หรือท้อง เพื่อประเมินความพร้อมของคุณแม่

 

3. ตรวจทางห้องปฏิบัติการ

  • ตรวจปัสสาวะ: เพื่อหาความเสี่ยงของเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือภาวะติดเชื้อต่าง ๆ
  • ตรวจเลือด: ตรวจความสมบูรณ์ของเลือด, กรุ๊ปเลือด, พาหะธาลัสซีเมีย, และโรคติดเชื้อสำคัญ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี, เอชไอวี หรือซิฟิลิส เพื่อให้การดูแลรักษาถูกต้องและทันท่วงที
  • ตรวจอัลตราซาวด์: เป็นการตรวจที่น่าตื่นเต้นที่สุดค่ะ! คุณหมอจะใช้เครื่องอัลตราซาวด์เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์, ตรวจหาครรภ์แฝด, ดูพัฒนาการของลูกน้อย, อวัยวะสำคัญ, หัวใจ, จำนวนนิ้วมือ ไปจนถึงปริมาณน้ำคร่ำ

 

หลังจากตรวจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คุณหมอจะสรุปผลและบันทึกข้อมูลสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ จ่ายวิตามินบำรุงครรภ์ พร้อมกับนัดหมายครั้งต่อไป โดยคุณหมอจะนัดให้มาตรวจครรภ์โดยแบ่งเป็น 3 ไตรมาส ซึ่งจะมีการตรวจที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ เพื่อให้การดูแลตลอดการตั้งครรภ์ของคุณแม่และลูกน้อยเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยค่ะ

 

ตรวจครรภ์ช่วงไตรมาสที่ 1 (เริ่มตั้งครรภ์ - 14 สัปดาห์)

เป็นช่วงเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด คุณหมอจะนัดตรวจทุก ๆ 1 เดือน เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์และตรวจหาความเสี่ยงต่าง ๆ

  • การตรวจเลือดและปัสสาวะ: เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ และตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อที่อาจเป็นอันตราย เช่น เอดส์, ไวรัสตับอักเสบบี, ซิฟิลิส รวมถึงคัดกรองโรคธาลัสซีเมียและกรุ๊ปเลือด
  • การตรวจคัดกรองความเสี่ยง: มีการตรวจเลือดเพื่อคัดกรองความเสี่ยงของทารกดาวน์ซินโดรม
  • การตรวจอัลตราซาวด์: เพื่อกำหนดอายุครรภ์ให้แม่นยำ และตรวจดูความผิดปกติเบื้องต้นของลูกน้อย

 

ตรวจครรภ์ไตรมาสที่ 2 (อายุครรภ์ 15-28 สัปดาห์)

ในไตรมาสนี้ คุณหมอก็จะนัดตรวจทุก ๆ 1 เดือนเช่นกัน เพื่อติดตามพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด

  • การตรวจเลือด: เพื่อคัดกรองภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นภาวะที่คุณแม่หลายท่านอาจพบเจอได้
  • การเจาะน้ำคร่ำ: ในบางกรณีหากมีความเสี่ยง คุณหมออาจแนะนำให้เจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจโครโมโซมของทารก
  • การตรวจอัลตราซาวด์: คุณหมอจะใช้การอัลตราซาวด์เพื่อดูพัฒนาการที่สำคัญและอาจจะบอกเพศของลูกได้ในไตรมาสนี้ด้วยค่ะ

 

ตรวจครรภ์ช่วงไตรมาสที่ 3 (อายุครรภ์ 29-42 สัปดาห์)

ช่วงสุดท้ายก่อนคลอด คุณหมอจะนัดถี่ขึ้นเป็นทุก ๆ 2 สัปดาห์ และตั้งแต่สัปดาห์ที่ 32 เป็นต้นไปจะนัดตรวจทุกสัปดาห์จนถึงวันคลอด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอด

  • การสอนนับลูกดิ้น: เป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่ต้องเรียนรู้ เพื่อเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวของลูกน้อย
  • การฉีดวัคซีน: คุณหมอจะแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และบาดทะยัก เพื่อป้องกันโรคที่อาจเป็นอันตราย
  • การตรวจเลือดซ้ำ: เพื่อติดตามความเข้มข้นของเลือด และตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อบางชนิดอีกครั้ง
  • การตรวจอัลตราซาวด์: เพื่อประเมินน้ำหนักตัวและสุขภาพของทารกในครรภ์ รวมถึงตรวจดูว่าศีรษะของลูกน้อยลงสู่อุ้งเชิงกรานของคุณแม่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดหรือยัง

 

การไปฝากครรภ์พบคุณหมอย่างสม่ำเสมอตามนัดหมายจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อยนะคะ

 

ฝากครรภ์ ใช้สิทธิประกันสังคมได้ไหม?

สำหรับคุณแม่ที่ส่งเงินสมทบประกันสังคม เมื่อตั้งครรภ์จะสามารถใช้สิทธิเบิกค่าฝากครรภ์ได้ในวงเงินรวม 1,500 บาท โดยแบ่งจ่ายตามช่วงอายุครรภ์สูงสุด 5 ครั้ง เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับคุณแม่มากขึ้นค่ะ

  • อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์: เบิกได้ตามจริง ไม่เกิน 500 บาท
  • อายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์: เบิกได้ตามจริง ไม่เกิน 300 บาท
  • อายุครรภ์ 20-28 สัปดาห์: เบิกได้ตามจริง ไม่เกิน 300 บาท
  • อายุครรภ์ 28-32 สัปดาห์: เบิกได้ตามจริง ไม่เกิน 200 บาท
  • อายุครรภ์ 32-40 สัปดาห์: เบิกได้ตามจริง ไม่เกิน 200 บาท

 

กระบวนการฝากครรภ์ตลอดการตั้งครรภ์

คุณแม่มือใหม่อาจเต็มไปด้วยคำถามมากมายเกี่ยวกับการฝากครรภ์ จึงได้รวบรวมคำตอบสำหรับทุกข้อสงสัย เพื่อให้คุณแม่ทุกคนเตรียมพร้อมอย่างมั่นใจตลอดการเดินทาง 9 เดือนนี้ค่ะ

การฝากครรภ์คุณภาพ คืออะไร?

การฝากครรภ์คุณภาพ หมายถึงการที่คุณแม่เริ่มต้นฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ และไปตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 5 ครั้ง ตลอดการตั้งครรภ์ เพื่อให้คุณหมอได้ดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดและครบถ้วนที่สุด การทำแบบนี้จะช่วยให้ทั้งคุณแม่และลูกในท้องได้รับการบริการสุขภาพที่ดีที่สุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อเนื่องไปจนถึงวันคลอดและหลังคลอด ทำให้ทุกช่วงเวลาของการเป็นคุณแม่เต็มไปด้วยความสุขและความอุ่นใจค่ะ

 

ฝากครรภ์แล้ว ได้อัลตราซาวด์ครั้งแรกเมื่อไหร่

การตรวจอัลตราซาวด์ครั้งแรกเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วจะทำในช่วงอายุครรภ์ 6-8 สัปดาห์ หรือทันทีที่คุณแม่ฝากครรภ์ การตรวจครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณแม่ได้เห็นลูกน้อยเป็นครั้งแรกแล้ว คุณหมอจะใช้การตรวจอัลตราซาวด์เพื่อ

  • ยืนยันการตั้งครรภ์ และ คำนวณอายุครรภ์ให้แม่นยำที่สุด
  • ตรวจสอบตำแหน่งของการตั้งครรภ์ ว่าอยู่ในโพรงมดลูกอย่างถูกต้องหรือไม่


การตรวจอัลตราซาวด์ครั้งแรกนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่มั่นใจว่าการตั้งครรภ์เริ่มต้นอย่างสมบูรณ์ค่ะ

 

ฝากครรภ์ทำไมยิ่งใกล้คลอด คุณหมอยิ่งนัดถี่ขึ้น?

ในช่วงใกล้คลอด คุณหมอจะนัดคุณแม่มาตรวจครรภ์ถี่ขึ้นจนเกือบทุกสัปดาห์ค่ะ เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงสำคัญที่สุดที่ต้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ การนัดที่ถี่ขึ้นก็เพื่อที่จะได้เฝ้าระวังและติดตามสุขภาพของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด เช่น การตรวจการเต้นของหัวใจ, การอัลตราซาวด์ดูปริมาณน้ำคร่ำ ไปจนถึงการตรวจเช็กท่าของลูกว่าพร้อมสำหรับการคลอดแล้วหรือยัง นอกจากนี้ คุณหมอจะร่วมวางแผนการคลอดกับคุณพ่อคุณแม่อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้การคลอดเป็นไปอย่างปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกคนค่ะ

 

การฝากครรภ์ทำไมต้องให้สามีเจาะเลือดด้วย

เพราะสุขภาพของคุณพ่อก็สำคัญไม่แพ้คุณแม่เลยค่ะ! การเจาะเลือดของคุณสามีจะช่วยให้คุณหมอได้ตรวจคัดกรองโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อย รวมถึงโรคที่อาจติดต่อถึงคุณแม่ได้ เช่น ซิฟิลิส, ไวรัสตับอักเสบบี, หรือโรคเอดส์ นอกจากนี้ การตรวจเลือดยังช่วยให้ทราบว่าคุณพ่อและคุณแม่มีพาหะโรคทางพันธุกรรมอะไรบ้าง โดยเฉพาะ โรคธาลัสซีเมีย เพื่อให้คุณหมอสามารถวางแผนดูแลลูกน้อยได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุด ตั้งแต่ในครรภ์ไปจนถึงหลังคลอด เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวค่ะ

 

ฝากครรภ์สามารถอัลตราซาวด์ดูเพศได้ตอนอายุครรภ์กี่เดือน

หนึ่งในเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุดของการตั้งครรภ์คือการได้รู้เพศของลูกน้อยค่ะ โดยทั่วไปแล้ว คุณหมอจะสามารถ อัลตราซาวด์เพื่อดูเพศของลูกได้เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 18-24 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การจะเห็นเพศของลูกได้ชัดเจนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับท่าของลูกในครรภ์ด้วย ถ้าลูกน้อยขดตัวหรือเอาแขนขาบังไว้ ก็อาจจะทำให้คุณหมอดูได้ยากขึ้นค่ะ

การฝากครรภ์เป็นสิ่งสำคัญที่ว่าที่คุณแม่ทุกคนไม่ควรมองข้าม เพราะคือการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดสำหรับทั้งคุณแม่และลูกน้อย โดยเรื่อง ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ นั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละโรงพยาบาล ซึ่งคุณแม่สามารถปรึกษาและวางแผนตามความเหมาะสมได้เลยค่ะ และเมื่อลูกน้อยคลอดแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการดูแลลูกด้วย นมแม่ เพราะในนมแม่ไม่ได้มีแค่สารอาหารจำเป็นกว่า 200 ชนิด เช่น แคลเซียม, วิตามิน, และ ดีเอชเอ (DHA) เท่านั้น แต่ยังมี แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองและการเรียนรู้ของเด็กเจนใหม่ ช่วยให้สมองสามารถเชื่อมโยงและสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้สมองประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลูกน้อยจึงสามารถจดจำและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ไว

นอกจากนี้ ในนมแม่ยังมีจุลินทรีย์สุขภาพอย่างบิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (Bifidobacterium lactis) หรือ บี แล็กทิส (B. lactis) ซึ่งจากงานวิจัยพบว่ามีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงตั้งแต่แรกเกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกน้อยที่คลอดด้วยวิธีผ่าคลอด เพราะมีปริมาณจุลินทรีย์ชนิดนี้น้อยกว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ

ดังนั้น การดูแลตัวเองอย่างดีตั้งแต่ฝากครรภ์ไปจนถึงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คือก้าวสำคัญที่จะทำให้ลูกน้อยเติบโตอย่างสมบูรณ์และมีพัฒนาการที่ดีในทุก ๆ วันค่ะ

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

  • โปรแกรม Baby Development เช็คพัฒนาการลูกน้อยแต่ละช่วงวัย
  • 25 อาการคนท้องแรก ๆ พร้อมอาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 สัปดาห์
  • ครรภ์เป็นพิษ วิธีสังเกตอาการและแนวทางป้องกันเพื่อสุขภาพแม่และลูก
  • คนท้องกินวิตามินซีได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า
  • คนท้องกินชาเขียวได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า




































อ้างอิง:











  1. ฝากครรภ์ (Antenatal care) เมื่อไหร่ดี มีกี่ครั้ง ตรวจอะไรบ้าง, โรงพยาบาลMedPark
  2. การฝากครรภ์สำคัญอย่างไร ?, โรงพยาบาลบางปะกอก 3
  3. ฝากครรภ์ครั้งแรกต้องทำอย่างไร ตอบข้อสงสัยคุณแม่มือใหม่, โรงพยาบาลนครธน
  4. คุณแม่ตั้งครรภ์ มีสิทธิเบิกประกันสังคม อะไรได้บ้าง ?, โรงพยาบาลบางปะกอก 3
  5. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฝากครรภ์, โรงพยาบาลอินทัชเมดิแคร์
  6. ก่อนอัลตร้าซาวด์ลูกน้อยในครรภ์ต้องรู้ การอัลตร้าซาวด์มีกี่แบบ มีประโยชน์อะไรบ้าง, โรงพยาบาลพีเอ็มจี
  7. ถ้าคุณแม่ ไม่ฝากครรภ์ มีผลเสียต่อลูกจริงมั้ย, โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง

 

อ้างอิง ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2568
 















































































คุณแม่ตั้งครรภ์






คุณแม่ตั้งครรภ์














แม่ผ่าคลอด






แม่ผ่าคลอด














ดูแลลูกตามช่วงวัย






ดูแลลูกตามช่วงวัย














ภูมิแพ้ในเด็ก






ภูมิแพ้ในเด็ก














แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน






แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน














พัฒนาการสมองลูกน้อย






พัฒนาการสมองลูกน้อย














การขับถ่ายลูกน้อย






การขับถ่ายลูกน้อย














แม่ให้นม






คุณแม่ให้นมบุตร














ตัวช่วยสำหรับคุณแม่






เครื่องมือตัวช่วยคุณแม่ท้อง พร้อมปฎิทินการตั้งครรภ์














อาหารเด็ก






อาหารเด็ก














S-Mom Club พร้อมเคียงข้างทุกช่วงเวลาที่สำคัญของคุณและลูก






S-Mom Club














วิดีโอแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ






วิดีโอแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ














ผลิตภัณฑ์






ข้อมูลผลิตภัณฑ์














โปรโมชั่น






โปรโมชัน




















































ความคิดเห็น

ความคิดเห็น (0)

ยังไม่มีความคิดเห็นสำหรับบทความนี้

โฆษณา

คำนวณฤกษ์แต่งงาน 2568

ปฏิทินไทย

25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
วันอังคาร
Advertisement Placeholder (Below Content Area)