10 จิตวิทยา คนแบบนี้ อยู่ให้ไกลชีวิตจะดี
เคล็ดลับในการหลีกเลี่ยงคนที่ส่งผลลบและรักษาความสงบในชีวิต
รู้จักประเภทบุคคลที่ควรอยู่ให้ไกล
ในชีวิตประจำวัน เราอาจเจอคนหลายประเภทที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตของเราอย่างมาก สมชาย ศรีสวัสดิ์ นักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี ได้วิเคราะห์และสรุปลักษณะของคนที่ควร หลีกเลี่ยงหรืออยู่ให้ไกล เพื่อรักษาความสงบและสร้างชีวิตที่ดีขึ้น
ลักษณะเหล่านี้จะช่วยให้เรา ตัดสินใจได้ชัดเจน และพร้อมรับมือเมื่อเจอสถานการณ์ที่ท้าทาย ดังนี้:
ลักษณะคน | พฤติกรรมหลัก | ผลกระทบต่อจิตใจ | ตัวอย่างในชีวิตจริง | แนวทางปฏิบัติ |
---|---|---|---|---|
คนก้าวร้าว | แสดงความโกรธรุนแรง พูดจาหยาบคาย | ทำให้เกิดความเครียดและวิตกกังวล | เพื่อนร่วมงานที่ตำหนิซ้ำจนเสียความมั่นใจ | ตั้งขอบเขตชัดเจน และลดเวลาที่ต้องเจอ |
คนชอบควบคุม | บังคับให้คนอื่นทำตามความคิดตนเอง | รู้สึกอึดอัด ขาดอิสระในการตัดสินใจ | ผู้บังคับบัญชาที่ไม่ฟังความคิดเห็น | ฝึกสื่อสารแบบเปิดเผยและยืนยันสิทธิ์ตัวเอง |
คนไม่ซื่อสัตย์ | โกหก หลอกลวง หรือปกปิดความจริง | สร้างความสูญเสียความเชื่อใจและความเครียด | เพื่อนหรือคนใกล้ชิดที่ไม่พูดความจริง | หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง และระมัดระวังข้อมูลส่วนตัว |
เพื่อจัดการกับผู้คนเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ สมชาย แนะนำให้คุณ สังเกตพฤติกรรมอย่างตั้งใจ และลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้:
- วิเคราะห์สถานการณ์ ว่าคนคนนั้นส่งผลลบอย่างไรต่อความรู้สึก และสิ่งที่เราต้องการจากความสัมพันธ์นั้น
- ตั้งขอบเขต ชัดเจนในการรับมือ เช่น จำกัดเวลา พื้นที่ หรือหัวข้อสนทนา
- ฝึกพูดปฏิเสธ อย่างสุภาพแต่เด็ดขาด ไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกครอบงำ
- เสริมสร้างพลังใจ จากการทำกิจกรรมที่ชอบ หรือพูดคุยกับคนที่เข้าใจ
- ขอคำปรึกษา จากผู้เชี่ยวชาญ หากสถานการณ์ซับซ้อนหรือส่งผลกระทบรุนแรงต่อจิตใจ
ข้อมูลนี้ได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยใน Journal of Personality and Social Psychology และวิชา Behavioral Psychology ที่ยืนยันว่า การรู้จักคนและวิธีจัดการเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพจิตให้มั่นคง (APA PsycNet)
ในบทถัดไป เราจะเจาะลึก เทคนิคการป้องกันและจัดการ กับคนเหล่านี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในชีวิตประจำวันของคุณ
เทคนิคการป้องกันและจัดการ
การมี คนที่ส่งผลลบ ในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่การรู้จัก ตั้งขอบเขต และใช้เทคนิคในการป้องกันกับคนเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อรักษาความสงบและความสมดุลของจิตใจอย่างแท้จริง สมชาย ศรีสวัสดิ์ นักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี ชี้ให้เห็นว่า การตั้งขอบเขตอย่างชัดเจนเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยลดผลกระทบเชิงลบจากบุคคลเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตั้งขอบเขตเริ่มต้นจากการ ระบุพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ และตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเรื่องสิ่งที่ยอมรับได้และไม่ได้ เช่น ในสถานการณ์ที่เจอคนชอบควบคุมหรือก้าวร้าว สามารถแจ้งให้ชัดเจนว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่สามารถยอมรับในบริบทของความสัมพันธ์นั้นๆ อย่างเช่น การบอกว่า “ฉันไม่โอเคที่จะถูกตำหนิแบบนี้” แล้วปฏิบัติตามคำพูดอย่างมั่นคง
นอกจากนี้ การฝึก ความอดทนและการจัดการอารมณ์ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรารับมือกับสถานการณ์ยากลำบากได้อย่างสงบ สมชายแนะนำให้ใช้เทคนิคเช่น การฝึกสติหรือ mindfulness เพื่อช่วยสร้างความตั้งมั่นและลดความเครียดเมื่อเผชิญกับพฤติกรรมที่ทำให้เสียสมาธิและอารมณ์เสีย โดยงานวิจัยจากภาควิชาจิตวิทยามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า mindfulness ช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมอารมณ์และลดผลกระทบทางด้านลบจากสภาวะแวดล้อมที่ตึงเครียดได้อย่างชัดเจน (Kabat-Zinn, 2013)
ในกรณีที่ความสัมพันธ์กับคนที่ส่งผลลบมีความซับซ้อนหรือส่งผลกระทบรุนแรง การ ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาอย่างยิ่ง นักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษาทางจิตใจสามารถช่วยวิเคราะห์สถานการณ์และเสนอแนะแนวทางการจัดการที่เหมาะสม การขอคำปรึกษาจึงเป็นการลงทุนเพื่อความสุขและความสงบในระยะยาว โดยมีหลักฐานทางวิชาการยืนยันว่าการบำบัดและให้คำปรึกษาช่วยลดความเครียดและพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ (American Psychological Association, 2020)
การนำเทคนิคเหล่านี้มาปรับใช้ในชีวิตจริง จะช่วยให้เราสามารถรักษาความสงบและคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน การวางแผนตั้งขอบเขตที่ชัดเจน ฝึกการควบคุมอารมณ์ และไม่ลังเลที่จะขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ คือกุญแจสำคัญที่จะนำพาเราพ้นจากผลกระทบทางลบและสร้างสภาพแวดล้อมทางใจที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง
จิตวิทยาสังคมและพฤติกรรมมนุษย์
การเข้าใจ พื้นฐานจิตวิทยาสังคม เป็นหัวใจสำคัญในการวิเคราะห์พฤติกรรมและปฏิสัมพันธ์ที่เราพบในชีวิตประจำวัน โดยจิตวิทยาสังคมศึกษาถึงวิธีที่บุคคลได้รับอิทธิพลจากกลุ่มสังคมรอบข้าง เช่น ครอบครัว เพื่อนฝูง และสังคมในวงกว้าง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของเรา
ในทางปฏิบัติ สมชาย ศรีสวัสดิ์ ผู้มีประสบการณ์กว่า 15 ปี ได้เน้นว่า พฤติกรรมเชิงลบ ของบุคคล เช่น การวิจารณ์ที่รุนแรง หรือความขัดแย้งที่ไม่สร้างสรรค์ มักเกิดจากกระบวนการรับรู้ที่บิดเบือน (cognitive distortions) และอารมณ์แฝงที่ยังไม่ได้รับการจัดการ ซึ่งการเข้าใจสิ่งนี้ช่วยให้เราสามารถตั้งขอบเขตและหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ไม่ดีต่อสุขภาพจิตได้
นอกจากนี้ งานวิจัยในสาขาจิตวิทยาสังคมโดย Bandura (1977) เกี่ยวกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory) ชี้ว่าพฤติกรรมที่เราพบเห็นจากคนรอบตัวสามารถเป็นแบบอย่างที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเราเอง การอยู่ใกล้กับคนที่มีพฤติกรรมเป็นบวกจะส่งเสริมแรงจูงใจขั้นสูงและความสงบในใจได้มากกว่าการอยู่ใกล้กับคนที่สั่งสมพลังลบ
ในสภาพแวดล้อมจริง เช่น ที่ทำงานหรือครอบครัว ผู้ที่เข้าใจหลักการเหล่านี้ จะสามารถระบุลักษณะของบุคคลที่ส่งผลลบต่ออารมณ์และพฤติกรรมของตนเองได้อย่างแม่นยำ เช่น คนที่ชอบเหน็บแนมหรือวิจารณ์อย่างไม่สร้างสรรค์ และเลือกวิธีจัดการที่เหมาะสม เช่น การกำหนดขอบเขตในการสื่อสาร หรือการเลือกพื้นที่ส่วนตัว เพื่อรักษาความสงบใจ
อย่างไรก็ตาม ความรู้จากจิตวิทยาสังคมควรถูกนำมาใช้ร่วมกับการสังเกตและประเมินผลจริง เพื่อไม่ให้เกิดการตัดสินผิดพลาด โดยสมชาย ศรีสวัสดิ์ แนะนำให้ติดตามงานวิจัยที่น่าเชื่อถือและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น เพื่อสร้างความมั่นใจในกระบวนการตัดสินใจและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
การสร้างความต้านทานทางจิตใจ
การหลีกเลี่ยงคนที่ส่งผลลบต่อชีวิตจำเป็นต้องอาศัยความต้านทานทางจิตใจที่แข็งแกร่ง ซึ่งเราสามารถฝึกฝนได้ผ่านเทคนิคที่ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยและประสบการณ์จริง เช่น การฝึกสมาธิ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และการพัฒนาทัศนคติเชิงบวก ตัวอย่างเช่น การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่าการฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอช่วยลดความเครียดและเพิ่มความสามารถในการควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น (Goyal et al., 2014) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการรับมือกับพฤติกรรมเชิงลบของผู้อื่น
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นและจิตใจที่เข้มแข็งเมื่อเจอคนที่มีพฤติกรรมลบ การกำหนดเป้าหมายแบบ SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) ช่วยให้เราโฟกัสกับสิ่งที่ควบคุมได้และไม่เสียเวลากับสิ่งที่นอกเหนือการควบคุม (Locke & Latham, 2002) ตัวอย่างเช่น การมุ่งเน้นพัฒนาตนเองในด้านการงานหรือสุขภาพจะทำให้เราไม่สะดุดเมื่อเจอกับคนที่ชอบสร้างความวุ่นวาย
นอกจากนี้ การพัฒนาทัศนคติเชิงบวกอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่ช่วยปรับเปลี่ยนมุมมองในการเผชิญกับความท้าทายและคนที่ส่งผลลบ นักจิตวิทยาเชื่อว่าทัศนคติเชิงบวกไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้สึก แต่ยังเป็นผลมาจากการฝึกฝนด้วยการรับรู้และปรับเปลี่ยนความคิดอย่างมีระบบ (Seligman, 2011) การทำบันทึกความกตัญญูหรือมองหาข้อดีในสถานการณ์ต่าง ๆ ก็เป็นวิธีการง่าย ๆ ที่ช่วยให้เกิดทัศนคติเชิงบวกยั่งยืน
โดยสรุป เทคนิคเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราอยู่กับคนที่มีพฤติกรรมลบได้อย่างสงบ แต่ยังเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับบุคลิกภาพแต่ละบุคคลและฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แหล่งข้อมูล: Goyal et al., JAMA Internal Medicine, 2014; Locke & Latham, Psychological Bulletin, 2002; Seligman, "Flourish", 2011.
ความคิดเห็น